"ครูครับ ปกติเวลาเด็กๆไปแล่นเรือกันนี่ เคยเจอพายุบ้างมั้ยครับ"
ผมเริ่มบทสนทนากับครูเอก หนึ่งในสุดยอดโค้ชประจำสโมสรเรือใบ สอ.รฝ.ในวันศุกร์ที่ผ่านมา
เป็นเวลาเกือบๆ 4 เดือนแล้วที่พี่อิมเข้ามามีส่วนร่วมในกีฬาแล่นเรือใบ และเข้าร่วมการแข่งขันมาเรื่อยๆ ด้วยความอนุเคราะห์และทุ่มเทการสอนของคณะครู ทำให้พี่อิมมีการเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
ป๊าและม๊า ก็พยายามสนับสนุนให้ได้มากที่สุดเท่าที่เวลาจะเอื้ออำนวยได้
และวันนี้ก็เช่นกัน
"เคยมีครับ ตอนซ้อมพายุเข้า เรือล่มไปหลายลำ ใบขาดไปทั้งหมด 4 ใบ เด็กๆปลอดภัยทุกคน มีนั่งร้องไห้บ้างตอนเรือล่ม" ครูอธิบาย จริงๆแล้วที่ถามไม่ได้เกิดจากความกังวล เพราะมั่นใจในความปลอดภัยของที่นี่เต็มร้อย เรือทุกลำมีทุ่นลม ทำให้ลอยน้ำแม้จะพลิกคว่ำ เด็กๆทุกคนใส่ชูชีพ มีเรือยนต์ของครูคอยช่วยดูอยู่หลายๆลำ ทั้งระหว่างการฝึกหรือการแข่งขัน แต่เป็นความสงสัยเพราะช่วงนี้เริ่มมีพายุเข้าบ่อยๆ
จบบทสนทนากับครูก็ไม่ได้คิดอะไรมาก รอบนี้พาพี่อิมมาตั้งแต่วันศุกร์จะได้มีเวลาเตรียมเรือและเช็คความเรียบร้อยก่อนลงแข่ง
วันรุ่งขึ้น(วันเสาร์) ตอนเช้าหลังจากเด็กๆนำเรือลงน้ำกันไปแล้ว ช่วงบ่ายเราก็ไปหาที่นั่งรอตามปกติ ไอวี่หิวข้าวเลยพาไปกินกันที่ร้านริมชลวี ของสโมสร สอ.รฝ. นั่งโต๊ะริมทะเล ผมวางแผนว่าจะเอาโน๊ตบุ๊คมานั่งพิมพ์บทความไปเรื่อยๆ ท่ามกลางวิวทะเลชิวๆ ระหว่างนั้นก็มองออกไปที่ทะเลเห็นเมฆฝนมืดๆมา เลยชี้ให้ไอวี่ดูว่าฝนกำลังตกอยู่ที่เกาะไกลๆ เห็นเป็นกลุ่มๆ
สักพัก สายฝนที่เห็นไกลๆมันเริ่มขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนมองเกาะกลางทะเลไม่เห็น เจ้าหน้าที่ที่ร้านอาหาร บอกให้ย้ายโต๊ะเข้าไปด้านในเพราะดูท่าว่าไม่รอดแน่ๆ
ไม่กี่อึดใจพายุทั้งลมทั้งฝนพัดกระหน่ำเข้ามา
"เด็กๆที่แข่งเรือกันขึ้นฝั่งแล้วรึยัง" ผมถามภรรยา
"ยังไม่ขึ้นนะ" อืม..ก็แปลว่าโดนพายุกันทั้งชุดเลยล่ะสิ แล้วดูลมพายุที่พัดเข้ามา แม้จะมั่นใจแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี เจ้าอิมจะรอดมั้ยเนี่ย...(มีต่อ)